ผมเป็นอีกคนหนึ่ง ที่เป็นคนชอบสะสมและเสาะแสวงหาของขลังของดีเป็นชีวิตจิตใจ ของใครว่าดีของใครว่าขลังเป็นเก็บหมด จนหมดเงินหมดทองไปกับของขลังไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
วันแรกที่ผมมาถึงวัดห้วยหินเกิ้งผมเห็นหลวงพ่อสุบินสักยันต์เต็มตัวไปหมด โดยเฉพาะที่หน้าอกด้านขวามียันต์หนุมานทรงพล(เท่ห์ได้ใจ) ผมคิดในใจว่ากูมาถูกวัดแล้ว วัดป่าบ้านนอกไกลผู้ไกลคนและหลวงพ่อสมภารสักยันต์เต็มตัว คราวนี้กูต้องได้ของดีแน่ๆ
ผมก็เพียรพยายามตามตื้อตามขอของดีจากหลวงพ่อสุบิน
หลวงพ่อสุบินก็บอกว่าอาตมาไม่มีของดีหรอกโยม ของดีของขลังคือธรรมะของพระพุทธองค์หากใครประพฤติปฏิบัติก็จะเห็นผลได้อย่างอัศจรรย์
ขนาดหลวงพ่อสุบินบอกกับผมอย่างนี้ผมก็ยังมีดวงตามืดบอดอยู่เลยครับ คิดแต่เพียงว่าถ้าหลวงพ่อสุบินไม่ให้เหรียญ ผมขอแค่ชายจีวรของหลวงพ่อสุบินก็ได้จะลองเอาไปยิงดู ดูซิว่าจะเหนียวไหม
ผมขอตั้งแต่วันที่มาวัดวันแรกจนกระทั่งถึงวันเดินทางกลับหลวงพ่อสุบินก็ไม่ให้
ผมก็เลยเปลี่ยนแผน คือ ผมคิดว่าถ้าผมขอของดีจากหลวงพ่อสุบินทางตรงไม่ได้ ผมก็น่าจะเข้าทางยายหนูจีนซึ่งเป็นโยมอุปฐาก ผมกะจะให้ยายหนูจีนขอของดีให้ผม
ผมจึงเดินเข้าไปหาแม่หนูจีนแล้วก็ถามแม่หนูจีนว่าหลวงพ่อสุบินทำของดีแจกบ้างไหมครับยาย
คำตอบที่ได้ลมแทบจับเลยครับ ดวงตาเห็นธรรมเลยครับ
ยายหนูจีนบอกกับ ผมว่าในชั่วชีวิตของพระพุทธองค์พระองค์แจกแต่ธรรมะ พระพุทธเจ้าไม่เคยสร้างพระเครื่องแจกเลยตลอดพระชนม์ชีพ(จริงของยาย) ไอ้ของขลังของดีมันเป็นของลวงโลกเป็นมายา ของแท้ของดีคือธรรมะของพระพุทธเจ้าทั้งขลังทั้งดี นึกถึงเรื่องนี้ทีไรก็อายยายเฒ่าคนเลี้ยงวัวแกจะรู้หนังสือหรือเปล่าก็ไม่รู้แต่แกรู้ธรรมะได้ลึกและคมเหลือเกิน นึกถึงเรื่องนี้ทีไรก็นึกถึงคนไม่รู้หนังสือคนหนึ่งที่ชื่อ “เว่ยหล่าง” เว่ยหล่างกล่าวเอาไว้ว่า “เดิมทีไม่มีต้นโพธิ์ ไม่มีกระจกเงาใส แล้วฝุ่นละอองจะลงจับอันใดเล่า”
คนขุดซาก เขียน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น